Wednesday, August 1, 2012

เท่งโหน่ง นักเลงภูเขาทอง

เท่งโหน่ง นักเลงภูเขาทอง
เท่งโหน่ง นักเลงภูเขาทองบางกอก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ ลิเก กำลังเสื่อมความนิยม มหรสพใหม่ที่เรียกกันว่า “ภาพยนตร์”หรือ “หนัง” กำลังเป็นที่จับตามอง แม้ในแง่กลุ่มคนดูจะไม่ได้แย่งกันอย่างเด่นชัด แต่ในแง่ศักดิ์ศรีของความเป็นมหรสพพื้นบ้านที่สืบสานต่อกันมาจนเป็นมรดกของชาติ บัดนี้กลับถูกมหรสพต่างชาติรุกราน เมื่อ วิกลิเกต้นไทร ท้ายวัดสระเกษ วิกลิเกที่ยอมรับกันว่ามีคนดูอยูในอันดับต้น ๆ ของบางกอก เพราะติดใจในเรื่องราวที่ผูกขึ้นมาไม่ซ้ำใคร และลีลาของ บุญเท่ง(เท่ง เทิดเถิง)กับ ลิ้นจี่(ฝ้าย- อิสรีย์ สงฆ์เจริญ) คู่พระนางสายเลือดแท้ๆของ นายแดงเจ้าของวิก (อุดม ชวนชื่น) ทำให้วิกลิเกแห่งนี้ยังคงสร้างความสำราญอยู่ได้ จนมีจดหมายจากทางการขอความร่วมมืออำนวยความสะดวกให้ กองถ่ายภาพฉายหนังเรื่อง “นางสาวสุวรรณ” กำลังจะมาใช้สถานที่ซึ่งมีต้นไทรและภูเขาทองมองเห็นเป็นเบื้องหลัง โดยจำเป็นต้อง รื้อวิก บุญเท่งและ ชาวคณะ(นุ้ย ชวนชื่น, กิ๊บ โคกคูน) ไม่ยอมถึงกับประกาศกร้าวให้ “สยามต้องเลือกว่าถ้ามีนางสาวสุวรรณต้องไม่มีลิเกต้นไทร” แน่นอน สยามเลือกนางสาวสุวรรณ การต่อต้าน ขัดขวาง ทุกรูปแบบจึงได้เริ่มขึ้น โดยมี น้อยโหน่ง(โหน่ง ชะชะช่า) นักเลงคุมถิ่นที่มาติดพันลิ้นจี่น้องสาวบุญเท่งเข้าร่วมด้วย เรื่องราวคงจบลงโดยง่าย ถ้านางเอกที่แสดงเป็นนางสาวสุวรรณ ไม่ใช่คนเดียวคนนั้นที่บุญเท่งเฝ้าฝันถึง ….เธอชื่อ นวลจันทร์(นิกัลยา ดุลยา) บุญเท่งกลายเป็นตัวแทนของลิเก ส่วนนวลจันทร์ก็กลายเป็นตัวแทนของหนังเรื่องนางสาวสุวรรณไปโดยปริยาย “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดกองถ่ายหัวใจให้นวลจันทร์” คือคำพูดที่ใกล้เคียงสุด บุญเท่ง ต้องเลือกระหว่างชาวคณะลิเกกับนวลจันทร์ ส่วนน้อยโหน่งยังไงก็เลือกลิ้นจี่อยู่แล้ว แต่ถ้าการขัดขวางนี้ไม่สำเร็จความรักของเขาก็หมดอนาคตด้วย เรื่องราวของความรัก บนศักดิ์ศรีแห่งความเป็นศิลปิน บุญเท่งและน้อยโหน่งจำต้องทำตัวเป็นนักเลง

0 comments:

Post a Comment

 
//PART 2