Wednesday, August 1, 2012

King Kong คิงคอง

King Kong คิงคอง ปี 1933 นักแสดงหญิงประจำละครสลับฉาก แอนน์ ดาร์โรว์ (นาโอมี่ วัตต์ส) พบว่าตัวเธอไม่ต่างจากชาวนิวยอร์กจำนวนมากมาย ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้ปราศจากหนทางจะหาเลี้ยงชีพ แม้ไม่เต็มใจที่จะประนีประนอม และต้องปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับงานในละครตลก แต่แอนน์มองว่าเธอมีทางเลือกที่แสนจำกัด ขณะที่เธอต้องเดินไปตามท้องถนนของเมืองแมนฮัตตันอย่างไร้จุดหมาย เมื่อความหิวทำให้เธอพยายามขโมยแอ๊ปเปิล จากแผงลอยของพ่อค้าขายผลไม้แต่ไม่สำเร็จ เธอได้รับความช่วยเหลือ จากผู้กำกับภาพยนตร์ที่ชื่อ คาร์ล เดนแฮม (แจ็ค แบล็ค) ดูเหมือนว่านักผจญภัย-นักลงทุนผู้นี้ ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับการลักทรัพย์ เพราะในวันนั้น เขาเพิ่งขโมยฟิล์มชุดเดียวที่มีอยู่ ของภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา ที่ยังสร้างไม่เสร็จ มาจากใต้จมูกของผู้บริหารสตูดิโอ เมื่อพวกนั้นขู่จะยึดเงินทุนทั้งหมดของเขาไป ในเย็นวันนั้น คาร์ลจะพาลูกเรือของเขาขึ้นเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติสิงคโปร์ ชื่อเรือเอสเอสเวนเจอร์ โดยตั้งความหวังไว้ว่า จะสามารถสร้างภาพยนตร์แอ็คชั่น/ ท่องเที่ยว ของเขาให้เสร็จสมบูรณ์ได้ คาร์ลแน่ใจว่าในที่สุดแล้ว เขาจะได้พบกับความยิ่งใหญ่ ที่เขารู้ดีว่ารอเขาอยู่ข้างหน้า และถึงแม้ทีมงานจะเชื่อว่า ความสำเร็จข้างหน้าจะรออยู่ที่สิงคโปร์ แต่คาร์ลหวังว่าเขาจะหาและได้ถ่ายทำ ณ สถานที่ลึกลับในตำนาน นั่นก็คือ เกาะหัวกะโหลก โชคร้ายสำหรับคาร์ล เมื่อดารานำหญิงของเขาเกิดถอนตัวออกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่การออกค้นหาดารานำหญิงคนใหม่ ที่จะต้องใส่เสื้อผ้าไซซ์ 4 ได้ (เพราะเสื้อผ้าทุกชุด ได้ถูกตัดเย็บเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว) ได้นำคาร์ลไปเจอแอนน์ นักแสดงสาวที่ต้องดิ้นรนทำมาหากิน แอนน์ไม่ค่อยแน่ใจนักกับการเซ็นสัญญากับคาร์ล จนกระทั่งเธอได้รู้ว่า นักเขียนบทละครที่กำลังมาแรง แจ็ค ดริสคอลล์ (เอเดรียน โบรดี้) กำลังเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ เพราะเงินค่าจ้างที่คาร์ล เพื่อนของเขาจ่ายเป็นค่าจ้างการผจญภัยอันเดือดพล่านครั้งนี้ เป็นเงินรายได้เพิ่ม จากรายได้ระดับพอประมาณของดริสคอลล์ ที่ได้จากงานละครเวทีของเขา หลังจากได้ดารานำหญิงคนใหม่ที่เขาเพิ่งค้นพบ และยังได้มือเขียนบทที่เหมือนโดนบีบให้ต้องขึ้นเรือมาด้วย "เรือกองถ่ายที่เคลื่อนที่ได้" ของ คาร์ล เดนแฮม จึงมุ่งหน้าออกจากท่าเรือนิวยอร์ก... และมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง ที่ไม่มีใครสักคนบนเรือจะคาดเดาได้!

0 comments:

Post a Comment

 
//PART 2